ประกันสังคม ยอมรับความจริง มีโอกาสสูงที่สถานะการเงินจะติดลบ

Written by: admins | Date: 16 October 2558 | 1388 Views

สำนักงานประกันสังคมออกมายอมรับว่า กองทุนบำนาญชราภาพซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนประกันสังคม มีโอกาสอย่างสูงที่สถานะการเงินจะติดลบในอีก 20 ปีข้างหน้า

pp1

แต่ที่เพิ่ง มายอมรับ เพราะแต่ก่อนเห็นไม่ค่อยชัด เนื่องจากที่ผ่านมากองทุนบำนาณชราภาพมีหน้าที่แค่รับเงินและหาช่องทางลงทุน ให้กับผู้ประกับตนเท่านั้น ยังไม่ต้องห่วงเรื่องการใช้จ่าย จนกระทั่งปลายปี 56 ที่ผ่านมา ผู้ประกันตนหลายท่านที่ส่งเงินเข้ากองทุนครบ 15 ปี เริ่มได้รับเงินคืน เนื่องด้วยเหตุเกษียณ

แค่ผ่านไปครึ่ง ปี จ่ายเงินให้กับผู้เกษียณไปแล้ว 2,000 ล้าน ครบปีคงได้มี 4,000 ล้านให้ได้เห็น อีก 20 ปี ก็ต้องจ่ายอย่างน้อย 400,000 ล้าน และยืนยันกันมาว่าแล้วว่า ตั้งแต่ปีที่ 21 เป็นต้นไป สถานะกองทุนบำนาญชราภาพจะเร่ิมติดลบ หรือขาดสภาพคล่อง

จะไม่ให้ติดลบได้อย่างไรครับ 5% ที่เราจ่ายให้ประกันสังคมทุกเดือน จะหัก 3% นำเข้ากองทุนบำนาญชราภาพ แต่พอเกษียณ กองทุนจะต้องจ่ายคืนเราถึง 20%

คิดง่ายๆ หากคุณมีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาท คุณต้องส่งเงินเข้าประกันสังคมเดือนละ 5% หรือ 750 บาท ในจำนวนนี้เงินส่วนหนึ่ง 450 บาท จะถูกนำเข้าไปสะสมในกองทุนบำนาญชราภาพทุกเดือน พร้อมกันกับเงินสมทบของนายจ้างในอัตราเดียวกัน

แต่พอเกษียณ และเงินส่งเงินเข้ากองทุนอย่างน้อย 180 เดือน (15 ปี) ผู้ประกันตนท่านนั้นจะได้รับเงินบำนาญคืน เดือนละ 3,000 บาท (คิดจากรายได้สูงสุด 15,000 บาท) หรือเทียบเท่ากับ 20%

ที่สำคัญ 3,000 บาทนั้น ได้ไปจนวันตาย (ย้ำ … ไปจนวันตาย) … พูดให้ง่าย ให้เห็นภาพ เงินที่เจ้าตัวสมทบรวมกับของนายจ้างตลอด 15 ปี รวมกันจะเท่ากับ 162,000 บาท ซึ่งหากจ่ายคืนเดือนละ 3,000 บาท จะใช้เวลาเพียง 4.5 ปี เงินก้อนนั้นก็จะหมดลง ดังนั้นหากผู้ประกันตนมีอายุยืนสักหน่อย ก็เรียบร้อย เงินไหลออกมากกว่าไหลเข้าแน่นอน

แม้ทางกองทุน ประกันสังคมจะพยายามนำเงินของเราไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบให้มากที่สุด แต่มากยังไงก็ไม่เกิน 10% เพราะติดข้อบังคับของกองทุน ที่อนุญาตให้ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงสุดได้เพียง 40% ของมูลค่ากองทุนเท่านั้น

(อ้าวแล้วทำไมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บริษัทเอกชนบังคับให้ลูกจ้างออมกัน ถึงไม่เป็นแบบนี้ … อันนั้นเขามี Account ชัดเจนครับ เงินใครเงินมัน ไม่ใช่เก็บเงินแล้วมากองรวมกัน ก่อนจ่ายออกไปแบบนี้ และจ่ายออกไปในรูปเงินก้อนเพียงอย่างเดียว (คล้ายบำเหน็จ) ไม่ต้องจ่ายกันยาวนานแบบบำนาญไปจนตาย)

เมื่อเงินไหลเข้ามีแนวโน้มน้อยกว่าเงินไหลออก การจะคงอยู่ได้ของกองทุนบำนาญชราภาพจึงต้องอาศัยลักษณะของแชร์ลูกโซ่ที่ว่า ให้คนเข้ามาทีหลัง จ่ายเงินเลี้ยง คนที่เข้ามาก่อน และออกก่อน เกษียณก่อน

แต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแนวโน้มทางประชากรศาสตร์ของประเทศเรากำลังเปลี่ยนไป คนแก่อายุยืนขึ้น (ต้องส่งเงินให้นานขึ้น) ในขณะที่จำนวนประชากรที่เกิดลดลง แรงงานลดลง คนส่งเงินก็ลดลง ดังนั้น ดูยังไงก็ช๊อต และส่งผลกระทบรอการช่วยเหลือจากภาครัฐแน่นอน

ที่จริงประเทศต้นแบบที่เราหยิบแนวคิดประกัน สังคมมาใช้ก็กำลังจะตาย ติดลบหัวโตอยู่ แต่เราผู้ที่หยิบนำแนวคิดมาใช้ ก็ไม่ได้มีแผนการอะไรที่เตรียมพร้อมรับมือ ที่น่าตลกก็คือ เมื่อลอกเขามา เราก็ต้องลอกให้ครบสูตร ลอกหลักคิดมา ก็ต้องลอกวิธีการแก้ไขปัญหาด้วย

ล่าสุดกองทุน ประกันสังคมประกาศแบบชิล ๆ ว่า ไม่ต้องห่วง ทางเรามีวิธีแก้ปัญหากองทุนบำนาญชราภาพขาดสภาพคล่องในอีก 20 ปีข้างหน้า ด้วยวิธีการดังนี้

1) เพิ่มเงินสมทบลูกจ้างอีก 1% ส่วนนายจ้างเพิ่มอีก 0.5% … จัดไป!!

2) เพิ่มอายุการรับบำนาญ (เดิมที่ 55 ปี) ทุกๆ 4 ปี ปรับเพิ่มไปเรื่อยๆ จนไปรับบำนาญกันที่อายุสัก 62 ปี … หลักคิดคือ จ่ายเงินให้ช้าลง สะสมเงินให้มากขึ้น

3) เพิ่มเวลาการจ่ายสะสมจาก 15 ปี เป็น 20 ปี … พูดให้ง่าย เดิมส่ง 15 ปีก็ได้บำนาญแล้ว แต่ข้อเสนอใหม่ ส่งเพิ่มอีกสัก 5 ปี ได้ทั้งเงินเพิ่ม ได้ทั้งยืดเวลาจ่าย

4) ปรับคำนวณค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย เป็นตลอดช่วงที่สมทบ … พูดให้ง่าย คือ ทำฐานเงินเดือนที่จะนำไปคิดเงินบำนาญให้ต่ำลง เพื่อให้จ่ายน้อยลง

ทุกแนวทางดูแล้วมองแค่ให้กองทุนบำนาญชราภาพรอดจากการติดลบ แต่ไม่ได้มองถึงผลประโยชน์ของผู้ประกันตนเลยแม้แต่น้อย แล้วเอาไงกันดีหละพวกเรา … ไม่มีทางอื่นครับ นอกเหนือไปจากเตรียมวางแผนเกษียณของตัวเอง 

ถึงเวลาหรือยัง ที่พวกเราควรจะมีความรู้ทางการเงินที่มากพอ ไม่มีใครไม่แก่ และเมื่อวันที่แก่ ไม่มีใครอยากทำงานอีกต่อไป แต่ไม่ทำงาน คุณก็ยังต้องใช้เงิน

ขอบคุณข้อมูลจาก แฟนเพจ Money Coach

สมาชิก Panda Smile เว็บไซต์ http://pantip.com/topic/32211140


Relate posts

Comment box

ข่าวล่าสุด

 

สมัครงาน หางาน