ภาษีรถยนต์ทุกชนิดจะมีการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในปีหน้านี้ (พ.ศ.2559) เป็นต้นไป ซึ่งจะคิดตามอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) แทนการคิดตามความจุกระบอกสูบแบบเดิม ทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาด มีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าภาษีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-10 % โดยรถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อย จะเสียอัตตราภาษีต่ำกว่ารถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มาก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการยานยนต์ไทย
เปรียบเทียบภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราเก่า กับ ใหม่
ความแตกต่างของภาษีสรรพสามิตรถยนต์ปี 2559 แต่ละประเภทดังนี้
รถยนต์นั่งถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในตลาด มีตั้งแต่ รถยนต์ระดับซับคอมแพคท์ จนถึงรถยนต์ระดับพรีเมียมหลายรุ่น ที่หันมาใช้เครื่องยนต์ความจุน้อยลง รวมทั้งเอสยูวีบางรุ่นด้วยโดยในอัตราภาษีแบบเก่า จะเสียเพียง 25 % เท่านั้น
- ส่วนอัตราใหม่ ถ้าปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น 30 %
- ส่วนรถบางรุ่นที่รองรับน้ำมัน E85 เช่น ฮอนด้า แจ๊ซ จะเสีย 25% เท่าเดิม
- ส่วนอัตราใหม่ รุ่นที่ปล่อย CO2 ไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จะเสียเพิ่มเป็น 25 %
- ส่วนรุ่นที่ปล่อยในพิกัด 151-200 กรัมต่อกิโลเมตร เสียเพิ่มเป็น 30 %
- ส่วนรถที่รองรับน้ำมัน E20 จากเดิมเสีย 25 % ก็จะต้องเพิ่มเป็น 30 % หรือ 35 % ตามปริมาณการปล่อยไอเสีย
ในอัตราใหม่จะเพิ่มเป็น 25 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร และ 30 % สำหรับรถที่ปล่อยไอเสียเกิน ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ๋นั้นยังมีค่าไอเสียเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร หมายความว่า ในปี 2559 รถพีพีวี จะเสียภาษีแพงขึ้นอีก 10 % แทบทุกรุ่น
- รถยนต์ไฮบริดที่ปล่อยไอเสียไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น จึงจะเสียอัตราเดิมที่ 10 %
- ถ้ามากกว่านั้น ภาษีจะเพิ่มเป็น 20 %
การปรับอัตราภาษีใหม่นี้เป็นผลดีต่ออนาคตในระยะยาว และเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่วงการยานยนต์ไทย และกระตุ้นให้ผู้ผลิต พัฒนา และสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดพลังงานและปล่อยไอเสียต่ำให้คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น
สรุป ภาษีใหม่ = มาตรฐานใหม่
อัตราภาษีใหม่นี้ คาดว่าจะทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ในตลาด มีราคาสูงขึ้น เพราะต้นทุนค่าภาษีจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-10 %
อย่างไรก็ตาม ภาษีใหม่นี้ จะสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้แก่วงการยานยนต์ไทย โดยจะกระตุ้นให้ผู้ผลิต พัฒนา และสร้างสรรค์รถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน และปล่อยไอเสียต่ำ เพื่อให้อยู่ในพิกัดภาษีที่เหมาะสม ดังนั้น ในระยะยาว คนไทยจะได้ใช้รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน
TsupamaN เรียบเรียง ข้อมูลจาก www.motorexpo.co.th