กระทรวงการคลังขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน สร้างรายได้ 1.2 หมื่นล้านต่อปี อาศัยจังหวะราคาน้ำมันอยู่ในระดับต่ำ ใช้เงินกองทุนพลังงานรับภาระแทน
รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง แจ้งว่า กระทรวงการคลังลงประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับ 133 วันที่ 22 มี.ค.เรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน มีผลวันที่ 23 มี.ค.2559 โดยเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงการคลังฉบับก่อนหน้าว่าด้วยภาษีสรรพสามิต น้ำมันที่มีการลดภาษีน้ำมัน โดยน้ำมันดีเซลลงไปอยู่ที่ 4.95 บาท ต่อลิตร ทั้งนี้เมื่อมีการยกเลิกประกาศฉบับก่อนหน้า เป็นผลให้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลขยับขึ้นไปอีกครั้งเป็น 5.35 บาทต่อลิตร
ขณะที่ภาษีแก๊สโซฮอล์ อี 10 เดิมภาษี 5.04 บาทต่อลิตรเป็น 5.40บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี20 เดิม 4.48 บาทต่อลิตรเป็น 4.80 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ อี85 เดิม 0.84 บาทต่อลิตรเป็น 0.90บาท เบนซินไร้สารเดิม 5.60 บาทต่อลิตร เป็น 6 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ประเมินรายได้จากภาษีสรรพสามิตน้ำมันอัตราใหม่จะมีเม็ดเงินภาษีเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้าน ต่อ ปีงบประมาณ ซึ่งช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2559 ประมาณ 6 เดือน จะมีรายได้เข้ารัฐเพิ่มขึ้น 6 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามการขึ้นอัตราภาษีรอบนี้ไม่กระทบกับผู้ใช้น้ำมัน เพราะรัฐใช้เงินกองทุนน้ำมันเข้าไปชดเชยราคา ซึ่งนี้ราคาน้ำมันอยู่ระดับต่ำจึงเหมาะสมที่จะขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน โดยปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันอยู่ที่ 44,000 ล้านบาท
ข่าวจาก NowTV อ้างอิง ราชกิจจาฯ