เป็น เรื่องใกล้ตัวของผู้ใช้รถใช้ถนน ที่ต้องเคารพกฎหมาย กฎจราจร แต่เมื่อทำผิด ฝ่ากฎ ต้องถูกเช็กบิลด้วยกฎหมาย เปรียบเทียบปรับ ก้มหน้ารับใบสั่งจราจร ที่ผ่านมาโทษสูงสุดคือปรับ 1,000 บาท ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
แต่ดูเหมือนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎจราจร โดยเฉพาะใบสั่งที่ออกโดยเจ้าพนักงานจราจร มักถูกเมิน คล้ายเป็นแค่เพียงเศษกระดาษ ที่ผู้ขับขี่ไม่สนใจไยดี
ที่สำคัญเมื่อพ้นกำหนดอายุความ 1 ปี ก็ฉีกทิ้งลงถังขยะได้เลย เพราะใบสั่งมีอายุความแค่ 1 ปี ตามกฎหมาย
โดย พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) สะท้อนปัญหาว่า จากสถิติปี 2558 พบว่าเจ้าหน้าที่ออกใบสั่ง 1.4 ล้านใบ แต่มีการชำระค่าปรับแค่ 4 แสนใบ ที่เหลืออีกประมาณ 1 ล้านใบ ไม่พบการชำระค่าปรับ
ก่อน หน้านี้เคยเสนอแก้ปัญหาโดยให้ขนส่งอายัดทะเบียน ชะลอการเสียภาษีประจำปี แต่เนื่องจากเป็นกฎหมายคนละฉบับ จึงไม่สามารถทำได้ ต่อมากฤษฎีกาจึงให้ความเห็นว่า ทำไมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จึงไม่แก้ พ.ร.บ.จราจรทางบก เสียเอง รอง ผบก.จร.เผยถึงสภาพปัญหาและทิศทางการแก้ไข กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) จึงเป็นต้นเรื่องดำเนินการศึกษาเสนอแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก
โดยหลักการเพื่อให้การแก้ไขปัญหากรณีผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จราจรทางบกหรือกฎหมายอันเกี่ยวกับรถนั้นๆ แล้วไม่มาชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนด เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลต่อการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนเพื่อความสะดวกในการจราจร อีกทั้งเป็นการแก้ไขปัญหาผู้กระทำผิดที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายจราจร อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปและการจัดระเบียบสังคม
จึงเห็นควรเสนอให้ใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ แก้ไขมาตรา 141 ทวิ ที่เดิมกำหนดให้ส่งใบสั่งพร้อมพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับให้ กับเจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถ
โดยแก้ไขเป็น กรณีผู้ขับขี่ เจ้าของรถหรือผู้ครอบครองรถซึ่งได้รับใบสั่งไม่ปฏิบัติตามให้นายทะเบียนแจ้ง ให้เจ้าของรถ ผู้ครอบครองรถหรือผู้มาติดต่อขอชำระภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไปรายงานตัว ต่อพนักงานสอบสวนที่ระบุไว้ในใบสั่ง ในกรณีดังกล่าวนี้ ให้นายทะเบียนงดรับภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้นไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่า พนักงานสอบสวนแจ้งเป็นหนังสือไปยังนายทะเบียนว่าได้รายงานตัวหรือชำระค่า ปรับเรียบร้อยแล้ว การงดชำระภาษีประจำปีไม่เป็นเหตุให้ผู้นั้นไม่ต้องชำระเงินเพิ่มตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์หรือกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกแล้วแต่กรณี
ส่วนมาตรา 155 การเพิ่มระดับของโทษควรจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนจากน้อยไปมาก และสอดคล้องกับคำแนะนำของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มาพิจารณาการเพิ่มโทษเป็นระดับเป็นขั้นตอนในกรณีผู้ไม่มาชำระค่าปรับตาม กำหนดที่ระบุไว้ในใบสั่ง
จึงควรใช้ข้อความต่อไปนี้แทน มาตรา 155 ผู้ขับขี่ เจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถ ซึ่งได้รับใบสั่ง แต่หากไม่ปฏิบัติตามมาตรา 141 โดยไม่มีเหตุอันควร ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 400 บาท ถึง 1,000 บาท หากพ้นกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่ระบุไว้ในใบสั่ง ผู้ขับขี่ เจ้าของรถ หรือผู้ครอบครองรถไม่ปฏิบัติตามมาตรา 141 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 1,000 ถึง 5,000 บาท หากพ้นกำหนด 90 วัน นับตั้งแต่ที่ระบุไว้ในใบสั่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีถูกเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้ตามมาตรา 140 วรรค 3 ให้ศาลสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดน้อยกว่า 1 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
อย่างไรก็ดี พ.ต.อ.เอกรักษ์กล่าวเสริมด้วยว่า นอกจากนี้ มีการเสนอขยายอายุความของใบสั่งจาก 1 ปี เพิ่มเป็น 5 ปี ส่วนโทษจำคุกที่ระบุว่าหากเกินกำหนด 90 วัน ยังไม่ชำระค่าปรับมีโทษจำคุก 3 เดือนนั้น ตรงนี้ขึ้นกับดุลพินิจศาล ถ้าศาลปรานี เห็นว่าไม่จงใจ อาจไม่ลงโทษจำคุก แต่ถ้าเห็นว่ากระทำผิดหลายๆ ครั้ง ชนิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย อาจตัดสินจำคุกได้
จากการสำรวจและการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรต้องยอมรับว่าวินัยจราจรของ คน กทม.ต่ำมาก ขณะที่การบังคับใช้กฎหมายของตำรวจคือ ใบสั่ง ถ้าไม่สัมฤทธิ์จะทำให้วินัยจราจรต่ำลง เราไม่อยากได้เงิน แต่อยากให้กลัวกฎหมาย ที่สำคัญปริมาณรถบนท้องถนนในปัจจุบันมีมากกว่าถนนที่รองรับถึง 5 เท่า การบังคับใช้กฎหมายและวินัยจราจรอย่างเคร่งครัดจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรได้ อีกทางหนึ่ง รอง ผบก.จร.ระบุถึงหลักการและเหตุผลสำคัญ ในการผลักดันแก้ พ.ร.บ.จราจรทางบก
เป็นอีกก้าวของการปฏิรูปว่าด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของกฎจราจร เพื่อให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวัง ไม่ทำผิดกฎจราจร จะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับแพงๆ ที่สำคัญงานนี้เพิ่มโทษแรงถึงขั้นติดคุก นอนมุ้งสายบัว
อย่างไรก็ดี กระบวนการแก้ไขร่างกฎหมาย จะต้องเสนอไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความเห็นชอบต่อไป
ที่มา : นสพ.มติชน
